หายใจอย่างไร จึงจะปลอดโปร่ง หายใจอย่างไร โล่งอกโล่งใจดี หายใจอย่างไร จึงจะเบาเนื้อเบาตัวดี
หายใจอย่างไร มีชีวิตชีวาดี หายใจอย่างไร ตื่นเนื้อตื่นตัวดี รู้จักคลี่คลาย ผ่อนคลาย
ดูให้ต่อเนื่อง ..... ดูให้มันอยู่ตัว......ตรวจสอบทางกาย ก็ไม่เกร็งเนื้อเกร็งตัว จิตใจก็ไม่อั้นไม่กลั้น มีให้เราดูเยอะเลย เป็นไปเพื่อสบาย เป็นไปเพื่อสงบตื่นเนื้อ ตื่นตัว........ไม่อั้นไม่กลั้น
มันอิ่ม มันเต็ม เบิกบานแจ่มใส กระปรี้กระเปร่า ร่าเริง คล่องแคล่ว มีชีวิตชีวาสว่าง สะอาด สงบ พอเราดูอยู่อย่างนี้ มันจะหยุดความรู้สึกมันหยุด
มันหยุดก็ไม่มีความคิดความเห็น มันเห็นความรู้สึก มีเพียงแต่รู้
รู้....ความรู้สึก เห็น....ความรู้สึกไม่ต้องมีวิพากษ์วิจารณ์ หรือ จินตนาการอะไร ความรู้สึกหยุด หรือพัก พักความรู้สึก ไม่มีอะไร อยากก็ไม่มี ไม่อยากก็ไม่มี ยินดียินร้าย ..... ไม่มี
จิตใจไม่มีหมกมุ่นเกาะเกี่ยวกับอะไร ดูอะไรๆ ก็ดูเฉยๆ เป็นสักว่า สักว่า
ความรู้สึกจะไม่ถูกปรุงแต่งความรู้สึกอย่างนี้ จึงเรียกว่า สงบไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องไปละอะไร รู้อย่างนี้มันละหมดเลย
มันวาง มันเบา ไม่ไปยึดติดกับอะไร มันถอนออกจากอะไรๆ เรียกว่า จิตเป็นอิสระรู้เฉยๆ รู้ เท่านั้นเอง จิตมันหยุดแล้ว มันรู้เลย
รู้ตรงนี้ มันจบ นี่แหละ ธรรมะ