กว่าจะเป็น หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ



เตรียมตัวก่อนบวช
หลวงพ่อสมบูรณ์ เป็นพระผู้ใหญ่นักปฏิบัติที่น่าเลื่อมใส
ศรัทธารูปหนึ่งในแนวการเจริญสติด้วยการเคลื่อนไหวในสายของหลวงพ่อเทียน
โดยหลวงพ่อสมบูรณ์ เป็นพระลูกศิษย์ที่มีบทบาทในการพัฒนาดูแลวัดสนามใน
อันเป็นสถานที่สำคัญที่ครูบาอาจารย์ได้ใช้เป็นสถานที่
ในการชี้แนะสั่งสอนญาติโยมมาเป็นเวลานาน รวมทั้งการเป็นประธานสงฆ์
สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำเขาพระ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

หลวงพ่อสมบูรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2473
เป็นคนไทยเชื้อสายจีน บิดาของท่านมาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ 
แต่มารดาเป็นคนไทย  มาตั้งรกรากอยู่ที่ อำเภอไทรน้อย จ.นนทบุรี
ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพซื้อขายข้าว โดยจะลากเรือไปตามลำน้ำต่างๆ
เพื่อซื้อข้าวมาขาย โดยท่านเป็นกำลังสำคัญในการช่วยบิดา
ทำงานตั้งแต่เด็ก และเลี้ยงดูน้องอีก 8 คน ต่อมาได้แต่งงาน มีลูก  5 คน
เสียชีวิตไป 1 คน และได้แยกมาประกอบอาชีพอยู่ที่ ตลาดบางบัวทอง
อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ชีวิตในวัยทำงานและชีวิตครอบครัวช่วงเป็นฆราวาส

 ท่านเป็นคนที่ขยันขันแข็งและฝักใฝ่ในธรรม ในเรื่องบุญกุศลมาแต่เดิม
เป็นหัวหน้าครอบครัวที่รับผิดชอบดูแลทุกคนในบ้าน ฝึกฝนลูกๆ ทุกคน
ให้ทำงาน ให้รับผิดชอบ ประหยัด มีระเบียบวินัยมาตั้งแต่เด็ก

“ พ่อเป็นคนที่มีระเบียบมากและสอนลูกๆให้มีระเบียบด้วย สอนให้ทำงานเป็น
พ่อจะหัดให้ลูกทุกคนต้องทำกับข้าวเป็น ... ครั้งแรกแค่ 8 ขวบ ยังไม่ถึง 10 ขวบเลยมั๊ง 
พ่อก็ให้ทำกับข้าว  เราก็เด็กๆ ไม่เคยทำมาก่อน จำได้ว่า เค็มมาก”ท่านก็ถามว่ากินได้ไหม?
กินไม่ได้ เค็มมาก แล้วให้หัดทำใหม่ ท่านสอนลูกให้ทำงานเป็นทุกอย่าง 
ตั้งแต่ทำกับข้าวจนงานก่อสร้างบ้านกันเลยทีเดียว

“จำได้ว่าตอนเด็กต้องมาขนทราย ตีสามตีสี่ ช่วยกันขนทรายเข้าบ้าน
เทพื้น ผูกเหล็ก ทาสี ฯลฯ ช่วยกัน และก็ติดมาจนโต ตอนนี้ซ่อมบ้านก็คุมงานเอง
บางอย่างก็ทำเอง อันนี้คงได้มาจากพ่อ ที่ท่านเคยทำให้เห็น”

พ่อเป็นคนที่มี “ความมัธยัสถ์”  และใช้ชีวิตแบบง่ายๆมาก 
ถ้าสมัยนี้คงเรียกว่าชีวิตแบบพอเพียง  เสื้อผ้าที่ใช้ก็มีอยู่ 2-3 ชุดเท่านั้น
คือ เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน  และคาดเข็มขัดเอาเสื้อใส่ในกางเกง
เป็นภาพที่เห็นเป็นประจำ นอกจากนี้ หากหลายคนที่พบเจอท่านเมื่อท่านบวชแล้
วก็จะได้ยินเสมอในเรื่องที่ท่านสอนให้ประหยัด อดออม และรู้จักการใช้จ่าย ไม่ฟุ่มเฟือย
ที่บ้านประกอบกิจการขายไอศกรีม  โดยท่านไปหาสูตร มาทำเอง
ดูเหมือนจะเรียนมาจากร้านสักแห่งในเมือง ที่ท่านไปทำงาน
ทางร้านก็ให้สูตรและสอนการทำให้  และไอศกรีมที่ท่านทำก็ขายดีมาก
นอกจากนี้ ภายในบ้านที่เป็นร้านขายไอศกรีมก็จะติดกลอนที่ท่านเขียน
ไว้มากมาย เพื่อให้ข้อคิดสอนใจกับคนที่ผ่านมาผ่านไป
และบรรดาลูกๆได้อ่านกันจนขึ้นใจทีเดียว

เรื่องการฝึกจิตใจ ก่อนที่ท่านจะมาบวช ก็บวชจิตใจมาก่อน
ท่านจะสวดมนตร์ทำวัตรเย็น และให้ลูกๆ ทุกคนมาสวดมนต์ร่วมกันด้วย
เมื่อทำมาหากินมีรายได้ก็แบ่งทำบุญในทางพุทธศาสนาอยู่ตลอดเวลา
วันหยุดมักไปทำบุญฟังธรรมที่วัด เช่น ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ในแต่ละวันท่านก็จะนั่งสมาธิเดินจงกลม ทุกวันตั้งแต่เช้ามืด
วันละเป็นเวลานานๆ การบริโภคอาหารมังสวิรัติ งดเว้นจากเนื้อสัตว์
อีกทั้งท่านยังเป็นคนอุปัฏฐากรับใช้ในกิจกรรมต่างๆทางพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ

“ตอนก่อนนี้เวลามีบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ที่วัดสวนแก้ว
พ่อจะขับรถไปรับสามเณรมาบิณฑบาตในตลาด
คนก็มาช่วยกันใส่บาตรทำบุญเยอะมาก  ที่ร้านก็ช่วยกันทำไอศกรีมเลี้ยง
ทำกันจนอุปกรณ์เครื่องมือชำรุดเลยทีเดียว”

ท่านชอบอ่านหนังสือและสนใจศึกษาหาความรู้มาก ทั้งความรู้และหนังสือธรรมะ
คำสอนของบรรดาครูบาอาจารย์ต่าง ๆ เวลากลับจากทำงานค่ำมืดท่านก็มาอ่าน
หนังสือต่ออีก  ท่านจึงเป็นคนที่ทันสมัยมาก ไม่เฉพาะการอ่าน
แต่การศึกษาหาความรู้จากการปฏิบัติ ท่านก็สนใจหาความรู้เพื่อนำมาประกอบอาชีพด้วย

“มีอยู่ช่วงหนึ่งพ่อไปวัดและก็ไปเรียนตัดเย็บ เสื้อผ้ากางเกง
ช่วงกลางคืนที่เขามีการสอนอาชีพให้ด้วย”

ในช่วงก่อนบวช ท่านได้รู้จักและติดตามศึกษาธรรมจาก หลวงพ่อเทียน
ท่านก็อาสาช่วยงานการก่อสร้างกุฎิ หรืองานก่อสร้างต่างๆ
ไปช่วยเหลือสนับสนุน ทั้งวัดสวนแก้ว วัดสนามใน เท่าที่ท่านจะทำได้ อย่างตั้งใจเต็มที่
เต็มกำลัง ท่านเป็นช่างไม้ฝีมือดี ที่หลายคนก็จำได้ งานไม้ของท่านจะเข้าลิ่ม แข็งแรง
ทนทาน ประณีต เรียบร้อย  จนทุกคนออกปากชม

ความรู้ในเรื่องช่างของท่านยังนำมาใช้อยู่ตลอดเวลาให้เกิดประโยชน์
หลายคนที่เคยไปสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำเขาพระ จะได้เห็นงานไม้
ตู้เก็บของและสิ่งต่างๆ ล้วนเป็นฝีมือและการทำงานของท่าน 
ท่านเป็นคนที่ไม่นิ่งดูดายจริงๆ ในทุกที่ทุกเวลา หากยังมีแรงที่ทำไหว 
และอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะช่วงที่ท่านอาพาธ เป็นมะเร็ง และต้องมาจำวัด  
พักรักษาตัวที่วัดสนามใน  ท่านก็ช่วยในการดูแล ออกแบบ
และควบคุมการก่อสร้างอาคารสำนักงานสูง 3 ชั้น  จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี

ตัดสินใจออกบวช
จากที่ได้ประกอบอาชีพและแต่งงานมีครอบครัวใช้ชีวิตตามแบบฆราวาส มาหลายปี
จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 40 ปี ท่านได้มีโอกาสคุยเรื่องความดีความชั่วกับเพื่อน
ก็มีคำถามว่า ชีวิตมีแค่นี้หรือ..?

จากที่ก่อนหน้านั้นก็ได้ฟังรายการธรรมะทางวิทยุอยู่เรื่อยๆ แต่ทว่าคำถามหรือ
ความสงสัยยิ่งต้องการคำตอบมากขึ้น จนเมื่อได้ไปฟังท่านพระโพธิรักษ์ แห่งสันติอโศก
ที่วัดมหาธาตุ พูดถึงโทษของบุหรี่ อย่างละเอียด
จึงรู้สึกอายด้วยเหตุที่คิดเปรียบเทียบเอาเองว่า
“คนที่สูบบุหรี่เหมือนวัวเหมือนควาย ถูกจูงจมูก จึงเลิกแบบหักดิบทันที
หลังจากที่ติดบุหรี่มานานถึง    23 ปี ขณะที่ติดบุหรี่วันละ 2 ซอง
ลิกอย่างเด็ดขาด ณ ที่นั้นเอง

หลังจากที่ได้ฟังพระโพธิรักษ์ในวันนั้น ไม่เพียงแต่มีผลต่อการเลิกบุหรี่เท่านั้น
แต่ยังมีความหมายใหม่ต่อชีวิตเพราะเป็นการจุดประกายที่เกิดความตั้งใจ
อยากบวชเมื่อพบว่าชีวิตโลกสังคมและการครองเรือนสำหรับตนนั้น เป็นชีวิตที่ไม่อิสระ
ปี 2518 มีอาจารย์ ซึ่งเป็นฆราวาสคนหนึ่งแนะนำให้รู้จักหลวงพ่อเทียน
ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อเทียนกำลังสอนโยมด้วยการจับมือแล้วถามว่า
“อย่างนี้รู้สึกไหม” ก็สะดุดใจ และเห็นว่าน่าสนใจมาก
จึงตามหลวงพ่อเทียนมาที่ วัดสนามใน

แล้วความฝันก็เป็นจริง

เมื่อหลวงพ่อสมบูรณ์ซึ่งขณะนั้นเป็นฆราวาสตัดสินใจบวชในปี 2523
โดยได้เตรียมความพร้อมด้วยการบอกครอบครัว
ล่วงหน้า 7 ปี เพื่อทำภารกิจต่างๆ ให้เรียบร้อยและจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
แต่เส้นทางใช่จะราบเรียบ อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นเพื่อให้เราฝ่าฟัน
หลวงพ่อยอมรับว่าใหม่ๆ นั้นเครียดมาก  และขัดแย้งกับตัวเองมาก
เพราะความที่สุดโต่งมากเกินไป เมื่อเห็นอะไรก็รู้สึกไม่ถูก  ไม่ต้องไปเสียทั้งหมด

และต่อมาก็มีความจำเป็นต้องสึกออกไป  ในปี 2526
เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติที่บ้าน หลังจากที่หลวงพ่อสมบูรณ์กลับไปใช้ชีวิตฆราวาส
และได้แก้ไขปัญหาต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ตอนแรกท่านตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตฆราวาส
แบบเรียบง่ายอยู่คนเดียวอย่างสันโดษ และได้มาปรึกษา

หลวงพ่อเทียนด้วยคำแนะนำประโยคสั้นๆ จากหลวงพ่อเทียนว่า “ มันดีน้อยว่ะ ” 
จึงเกิดสะดุดใจทันที การใช้ชีวิตแบบฆราวาส
ถึงแม้จะอยู่คนเดียวศึกษาปฏิบัติธรรมไป ก็ดี แต่ก็ยังเกิดประโยชน์น้อย
หากมาบวชใหม่จะช่วยให้เกิดประโยชน์ที่มากกว่า  หลวงพ่อสมบูรณ์ จึงตัดสินใจ
บวชอีกครั้งกับหลวงพ่อเทียน ที่ ทับมิ่งขวัญ  จ.เลย ในปีต่อมา

ตลอดเวลาของการอยู่ในเพศบรรพชิต หลวงพ่อสมบูรณ์  ท่านมี “ความมุ่งมั่น”
ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาก  ทั้งในด้านการศึกษาภาคปริยัติ
การเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอน หนังสือตำรามากมาย ทั้งจากท่านพุทธทาส
และครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน ในขณะที่ภาคปฏิบัติท่านก็มุ่งมั่นในการปฏิบัติมาก
ทั้งการปลีกวิเวก และบางครั้งก็ไปธุดงค์ในป่าช้า

บางทีก็ไปอยู่ที่เงียบๆ คนเดียว ในค่ายลูกเสือแถวบางใหญ่ก็เคย
ออกมาบิณฑบาตทีก็ต้องลุยน้ำ ลุยหญ้าออกมา จนจีวรเปียกเปื้อน
ซึ่งท่านก็ไม่ได้กังวลกับความลำบาก แต่กลับนำสิ่งเหล่านั้นมาสอนจิตใจ
ดูจิตใจตัวเองจนเห็นความจริงหลายอย่าง และเจริญในธรรมยิ่งขึ้น ในเวลาต่อมา

กว่าจะถึงวันนี้ได้ศึกษาและปฏิบัติมาหลายวิธี ทดลองมาเรื่อยจนเห็นว่า
วิธีของหลวงพ่อเทียนเป็นวิธีที่สัดสั้นแต่ก็ยอมรับว่า
กว่าจะรู้อย่างนี้ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเลยทีเดียว